วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558



สามมิติ (3D) ในการผ่าตัดผ่านกล้องแบบแผลเล็ก (MIS)


แพทย์ผ่าตัดสวมแว่นเพื่อดูภาพในจอให้เห็นเป็นสามมิติ (3D)

สวัสดีครับคุณผู้หญิงที่รักทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องสัพเพเหระเกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงผู้หญิงของหมอวิรัช ... หมอไม่ได้เขียนบล็อกซะหลายวันเพราะไปประชุมประจำปีของสมาคมมะเร็งนรีเวชฯที่กาญจนบุรีมาน่ะครับ ... เพิ่งเดินทางกลับมาถึงหาดใหญ่ตอนสองทุ่มเมื่อวานนี้เอง ... พอกลับมาถึงก็เริ่มทำงานเลยโดยแวะไปเยี่ยมคนไข้ที่นัดมาอยู่โรงพยาบาลตอนเย็นวานเพื่อรอผ่าตัดเช้าวันนี้

เช้านี้เข้าทำผ่าตัดคนไข้รายที่เล่ามาน่ะครับ ... เป็นการผ่าตัดใหญ่แต่ผ่าผ่านแผลเล็กหรือที่เรียกว่า MIS (Minimal Invasive Surgery) เช้านี้เป็นการผ่าตัดมดลูกเพราะคนไข้มีมดลูกโตและมีเลือดออกมากจนซีดมีอาการหน้ามืดจะเป็นลม ... แผลที่ผ่าตัดเป็นแผลเล็กๆซึ่งเป็นการผ่าตัดที่นิยมในปัจจุบัน ... วันนี้หมอผ่าผ่านแผลหรือช่องเล็กๆ 3 ช่อง ... ภาษาผ่าตัดแบบแผลเล็กเรียกช่องเล็กๆนี้ว่าพอร์ท (Port) ครับ ... มีพอร์ทที่สะดือหนึ่งแห่งและที่ด้านข้างของช่องท้องส่วนล่างอีกข้างละหนึ่งพอร์ทคล้ายที่เห็นในรูป

พอร์ท (Port) ที่นิยมทำในการผ่าตัด MIS เพื่อตัดมดลูก
วันนี้พิเศษหน่อยที่เป็นการผ่าตัดโดยใช้กล้องบันทึกภาพและจอแสดงผลแบบสามมิติหรือ 3D (Three Dimension) ... ก่อนหน้านี้หมอก็ผ่าตัดผ่านกล้องโดยกล้องบันทึกภาพและจอแสดงผลแบบสองมิติหรือ 2D (Two Dimension) ... ประมาณสามเดือนที่ผ่านมามีการนำระบบสามมิติมาใช้ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ-หาดใหญ่ ...​ ประเมินจากตัวหมอเองพบว่าตัวเองผ่าตัดได้ดีขึ้นมาก ...​ ที่ว่าดีขึ้นมากหมอหมายถึงทั้งเร็วขึ้นและปลอดภัยต่อผู้ป่วยมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเย็บแผล ... ความแตกต่างระหว่าง 2D และ 3D ก็คือเรื่อง ความลึก (Depth) ของภาพที่เห็นครับ ... ท่านผู้อ่านลองหลับตานึกถึงตอนที่ท่านดูหนังสามมิติอย่างเช่นเรื่องอวตารหรืออีกหลายๆเรื่องสิครับ ... ท่านจะเห็นความลึกของภาพเหมือนเห็นของจริง ... อีกตัวอย่างของความแตกต่างระหว่าง 2D และ 3D คือการเดินลงบันได้โดยหลับตาซะหนึ่งข้างเทียบกับการลืมตาสองข้างแล้วเดินลงบันได ... ท่านจะพบว่าเสี่ยงต่อการตกบันไดมากครับถ้าใช้ตาข้างเดียวเดินลงบันไดเพราะท่านจะเห็นภาพเพียงสองมิติหรือ 2D ... ท่านจะไม่เห็นความลึกโดยไม่แน่ใจว่าจะยื่นเท้าลงไปลึกแค่ไหนในการก้าวลงบันไดขั้นต่อไป ...​ พอเปลี่ยนเป็นลืมดูทั้งสองตาท่านจะพบว่าจะเกิดความมั่นใจว่าจะก้าวลงบันไดได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย ... การผ่าตัด MIS โดยผ่านกล้องและจอแบบ 3D ก็ทำนองนั้นแหละครับ 

ภาพในห้องผ่าตัด MIS โดยใช้กล้องแบบสามมิติ (3D)
ภาพเปรียบเทียบการเห็นความลึก (Depth)
การผ่าตัดเมื่อเช้าประสพความสำเร็จอย่างดี ... ตอนเย็นหมอไปเยี่ยมคนไข้พบว่าคนไข้ปวดแผลเพียงเล็กน้อย เริ่มจิบนำ้ได้ เอนตัวขึ้นมานั่งคุยกับญาติได้ และที่สำคัญคือยิ้มให้หมอได้ ... คาดว่าถ้าอาการดีขึ้นเร็วแบบนี้ก็คงกลับบ้านได้ในอีกสองวัน

เรื่องที่หมอคุยในบล็อกวันนี้ก็เป็นเพียงจุดเล็กๆน้อยๆเรื่องสามมิติ (3D) ในการผ่าตัดผ่านกล้องแบบแผลเล็ก (MIS) ซึ่งอาจเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ในบ้านเรา ...​ แต่หมอเองเชื่อว่าในไม่อนาคตอันใกล้นี้ท่านผู้อ่านอาจได้ยินหรือถูกถามจากแพทย์ผู้รักษาในกรณีที่ท่านเองหรือญาติของท่านต้องรักษาด้วยการผ่าตัดแบบ MIS ว่าจะเลือกผ่าตัดผ่านกล้องแบบ 2D หรือ 3D ... ถ้าถูกถามท่านผู้อ่านจะได้คุ้นกับคำนี้เอาไว้บ้าง ... ประเด็นเรื่อง 3D ที่นำมาใช้ในการผ่าตัดทางการแพทย์ยังมีอีกหลายประเด็นครับ ... ตัวหมอเองคิดว่า 3D จะเป็นคู่แข่งของการผ่าตัดแบบหุ่นยนต์หรือที่เรียกว่า Robotic Surgery ได้ในระดับหนึ่งทีเดียวละครับ


Robotic Surgery
ในยุคโลกาภิวัฒน์ท่านผู้อ่านคงเห็นด้วยกับหมอนะครับว่าเทคโนโลยีก้าวหน้าไปเร็วมากๆ ... แค่ยืนอยู่เฉยๆก็เหมือนเดินถอยหลังซะแล้ว ... การแพทย์ก็เช่นเดียวกันครับ ... แค่ไม่ติดตามข่าวสารไม่นานก็อาจตามไม่ทันคนอื่นๆแล้วซึ่งแม้แต่คนไข้ในปัจจุบันก็มีความรู้เยอะเพราะหาได้ไม่ยากจากอาจารย์กู๋หรืออาจารย์กูเกิ้ล (จริงไม๊ครับ?) ... ที่กล่าวมาเรื่องการผ่าตัดโดยอาศัยเทคโลยีใหม่ๆหมอไม่ได้หมายความว่าของเก่าไม่ดีนะครับ ... อยากจะบอกเพียงว่าของใหม่ได้เปรียบเพราะใช้ของเก่าเป็นพื้นฐานแล้วพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้นกว่าของเก่า ... ก็แค่ดีกับดีกว่าเท่านั้นน่ะครับไม่ใช่ดีกับไม่ดี ...​ เราทุกคนมีสิทธิเลือกนะครับว่าจะเลือกแบบไหน ...​ ความเห็นแบบนี้หมอว่าน่าจะประยุกต์ใช้ได้กับทุกๆอย่างที่เราต้องเลือกในชีวิตในโลกยุคดิจิตอลนี้

ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขนะครับ

รศ.นพ. วิรัช วุฒิภูมิ
สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น